- FacebookFacebook
- XX
- LINELine
ยุคที่ใคร ๆ ก็ทำวิดีโอได้แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำให้งานออกมามี “คุณภาพแบบมืออาชีพ” นี่จึงเป็นจังหวะสำคัญที่อย่าง กลยุทธ์ Fujifilm แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ตั้งแต่ปี 1934 ด้วยการพัฒนาฟิล์มสำหรับภาพยนตร์ญี่ปุ่นและต่อมาได้ขยายไปสู่เลนส์ซูมระดับภาพยนตร์ในซีรีส์ Premista และ ZK Cabrio ที่ได้รับการยอมรับจากกองถ่ายระดับโลก
เมื่อไม่นานมานี้ Fujifilm ได้เปิดตัว FUJIFILM GFX ETERNA 55 กล้อง Cinema รุ่นแรกของแบรนด์ที่จะเข้าสู่ตลาดในเดือนตุลาคม พร้อมด้วยเลนส์ FUJINON Lens GF32-90mmT3.5 PZ OIS WR การเปิดตัวครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการขยายอิทธิพลจากตลาดกล้อง Mirrorless สู่ตลาด Cinema Camera ที่มีมูลค่าสูงและเติบโตต่อเนื่อง
แคมเปญการเปิดตัวครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การตลาดที่ซับซ้อนและมีการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยมี 5 กลยุทธ์ FUJIFILM ที่น่าสนใจ ไปดูกันเลยค่ะ
1.Heritage-Driven Positioning หยิบเรื่องราวในอดีตมาเป็นแต้มต่อในตลาดใหม่
กลยุทธ์แรกที่ Fujifilm ใช้อย่างโดดเด่นคือการนำเอาประวัติศาสตร์อันยาวนาน 90 ปีในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาเป็น competitive advantage ในการเข้าสู่ตลาดใหม่ การเล่าเรื่องจากการพัฒนาฟิล์มโพสิทีฟสำหรับภาพยนตร์ในปี 1934 ไปจนถึงฟิล์มเนกาทีฟซีรีส์ ETERNA และเลนส์ Premista ที่ใช้ในกองถ่ายระดับฮอลลีวูดเป็นการสร้าง brand credibility ที่แข็งแกร่ง
สิ่งที่ทำให้กลยุทธ์นี้มีประสิทธิภาพคือการเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง การตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “GFX ETERNA 55” เองก็เป็นการดึง brand equity จากซีรีส์ฟิล์มภาพยนตร์ ETERNA ที่มีชื่อเสียงมาใช้ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าการเข้าสู่ตลาด Cinema Camera ของ Fujifilm ไม่ใช่การทำสิ่งใหม่ แต่เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ทำมาเป็นเวลานาน
การใช้ heritage เป็นจุดแข็งนี้ช่วยลดความรู้สึกของความไม่แน่นอนในใจผู้ซื้อ เพราะในตลาดที่ professional user มักจะระวังการใช้เครื่องมือใหม่ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ การมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจึงเป็นการสร้างความมั่นใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้าง emotional connection ที่ทำให้แบรนด์ไม่ใช่เพียงแค่ technology company แต่เป็น storytelling company ที่มีรากฐานลึกในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
2.Technology Differentiation สร้างความแตกต่างที่คัดลอกไม่ได้
กลยุทธ์ที่สองคือการใช้เซนเซอร์ Medium Format เป็นจุดแตกต่างหลักจากคู่แข่งในตลาด การที่ GFX ETERNA 55 ใช้เซนเซอร์ขนาด 44 มม. x 33 มม. ที่มีพื้นที่รับภาพใหญ่กว่าเซนเซอร์ 35 มม. ถึง 1.7 เท่า และมีความละเอียดสูงถึง 102 ล้านพิกเซล เป็นการสร้าง technical superiority ที่ชัดเจน
สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ Fujifilm ไม่ได้แค่เน้นตัวเลข specifications แต่ได้เน้นผลประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับ การมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าจะให้ช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น ความสามารถในการจัดการแสงต่ำที่ดีกว่า และ depth of field ที่สวยงามกว่าซึ่งเป็นสิ่งที่ cinematographer และ director ต้องการจริงๆ
การเน้นว่าเป็น “เซนเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับงานภาพยนตร์” เป็นการสร้าง superlative claim ที่ช่วยในการ positioning และการจดจำ ขณะเดียวกันการที่กล้องมีน้ำหนักเพียง 2 กิโลกรัมก็เป็นการแก้ไข traditional pain point ของกล้อง Cinema ที่มักจะหนักและใช้งานยากการผสมผสานระหว่าง superior technology กับ practical usability นี้เป็นสิ่งที่ทำให้ product positioning มีความแข็งแกร่ง
3.Ecosystem Strategy สร้างโซลูชันครบวงจร
กลยุทธ์ที่สามที่แสดงให้เห็นถึงการคิดแบบ long-term คือการไม่เพียงแค่เปิดตัวกล้องเดี่ยว ๆ แต่เปิดตัวเป็นระบบครบวงจร โดยการเปิดตัว FUJINON Lens GF32-90mmT3.5 PZ OIS WR พร้อมกับตัวกล้อง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการสร้าง complete solution สำหรับ filmmaker
การที่เลนส์นี้เป็น Power Zoom รุ่นแรกสำหรับซีรีส์ GF และมีมอเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงในตัวแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่คำนึงถึงความต้องการเฉพาะของงานภาพยนตร์ การที่เลนส์มีน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม เมื่อรวมกับตัวกล้องที่ 2 กิโลกรัม ทำให้ระบบทั้งหมดยังคงความคล่องตัวในการใช้งาน
นอกจากนี้ การที่กล้องรองรับอะแดปเตอร์แปลงเมาท์ G สู่ PL ซึ่งเป็นมาตรฐานในวงการภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถใช้เลนส์ Cinema ที่มีอยู่แล้วได้ สิ่งนี้ลด barrier to entry และเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน การคิดแบบ ecosystem นี้ทำให้ Fujifilm ไม่ได้แค่ขายกล้อง แต่เป็นการขาย total solution ที่ตอบโจทย์ workflow ของผู้ใช้จริง
4.Multi-Segment Targeting เก็บทุกตลาดในที่เดียว
กลยุทธ์ที่สี่ที่น่าสนใจคือการกำหนด target market ที่กว้างแต่ยังคงความเฉพาะเจาะจง การที่ Fujifilm ระบุว่ากล้องนี้เหมาะสำหรับการผลิตภาพยนตร์ ภาพยนตร์สั้น สารคดี คอนเทนต์บนเว็บ streaming มิวสิกวิดีโอ และวิดีโอออนดีมานด์ เป็นการขยาย addressable market ให้กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
การรองรับฟอร์แมตการถ่ายถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ Premista, 35mm, Anamorphic 35mm, Super35 และ 4:3 Open Gate เป็นการแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการใช้งานและการรองรับ workflow ที่หลากหลาย การมี multiple format options ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนไปตาม project requirement ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนกล้อง
สิ่งที่ฉลาดสุด ๆ คือการที่ Fujifilm ไม่ได้พยายามแข่งขันโดยตรงกับ established player ในตลาด high-end cinema อย่าง ARRI หรือ RED ในช่วงแรก แต่เลือกที่จะเข้าตลาดในช่วง mid-tier ที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาด content creation ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากการเพิ่มขึ้นของ streaming platform และ social media content
5.Feature-Rich Communication ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือการตลาด
กลยุทธ์ที่ห้าที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจ target audience อย่างลึกซึ้งคือการใช้ technical specifications เป็น marketing tool อย่างมีประสิทธิภาพ การที่แถลงข่าวเต็มไปด้วยข้อมูลทางเทคนิคที่ละเอียด ตั้งแต่เซนเซอร์ “GFX 102MP CMOS II HS” ไปจนถึงหน่วยประมวลผล “X-Processor 5” ไม่ได้เป็นเพียงการให้ข้อมูล แต่เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้น technical buyer
การจัดกลุ่มฟีเจอร์ออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น “สัมผัสสุดยอดคุณภาพวิดีโอขั้นสูง” “รังสรรค์สีและโทนภาพได้ดั่งใจ” “ฟีเจอร์ระดับมืออาชีพ” และ “คล่องตัวทุกสถานการณ์การถ่ายทำ” เป็นการจัดระเบียบข้อมูลที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น และยังเป็นการสร้าง buying rationale ที่ครอบคลุมทุกมิติของการใช้งาน
สิ่งที่ทำให้การสื่อสารนี้มีประสิทธิภาพคือการที่ไม่ได้แค่ยกตัวเลข spec มาอวด แต่ได้อธิบายถึงประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับ เช่น การมี F-Log2 C ที่ให้ช่วงไดนามิกกว่า 14+ สต็อป จะช่วยในการ color grading ได้ยืดหยุ่นมากขึ้น หรือการมี electronic ND filter ตัวแรกของโลกสำหรับเซนเซอร์ Medium Format จะช่วยในการควบคุมแสงได้สะดวกมากขึ้น การเชื่อมโยงระหว่าง feature กับ benefit นี้เป็นสิ่งที่ทำให้การสื่อสารมีความน่าเชื่อถือและสร้าง desire ได้
การเน้นเรื่อง Film Simulation ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ใช้กล้องซีรีส์ X และ GFX เป็นการสร้าง brand continuity และการใช้ประโยชน์จาก existing brand equity การที่มี Film Simulation LUTs ที่ดาวน์โหลดได้ 10 แบบและรองรับ 3D-LUTs สูงสุด 16 แบบ เป็นการตอบสนองความต้องการของ colorist และผู้กำกับภาพที่ต้องการความยืดหยุ่นในการสร้างสรรค์โดยยังคงไว้ซึ่ง look and feel ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Fujifilm
บทสรุป ถอดรหัส 5 กลยุทธ์ FUJIFILM เปิดตัว “FUJIFILM GFX ETERNA 55” กับการก้าวสู่ยุคใหม่ของการทำหนัง
การเปิดตัว FUJIFILM GFX ETERNA 55 เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการทำ market expansion strategy ที่ใช้ทั้ง rational และ emotional appeal อย่างสมดุล ทั้ง 5 กลยุทธ์หลักที่ Fujifilm ใช้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์และความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง
ผู้เขียนมองว่าสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ การที่แบรนด์สามารถเปลี่ยน potential weakness คือการเป็น newcomer ในตลาด Cinema มาเป็น strength หมายถึงการมี fresh perspective และ innovative technology ได้อย่างชาญฉลาดการใช้ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเป็นการสร้าง credibility ขณะเดียวกันก็ใช้เทคโนโลยีใหม่เป็นการสร้าง differentiation
สำหรับนักการตลาดในอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้ง 5 กลยุทธ์นี้สามารถปรับใช้ได้ โดยเฉพาะการใช้ heritage เป็นจุดแข็ง การสร้าง technology differentiation ที่ชัดเจน การคิดแบบ ecosystem การหา target หลาย segment พร้อมกัน และการใช้ technical communication อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือแบบอย่างของการทำ B2B marketing ที่ผสมผสาน art และ science ได้อย่างลงตัวค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ และสามารถอ่านบทความอื่น ๆได้ที่นี่
- การตลาด Apple สร้าง Emotional Equity คืนการถ่ายวิดีโอให้ผู้ป่วยพาร์กินสัน
- เรียนรู้ 5 วิธี สร้าง Personal Branding ให้แข็งแกร่ง จาก Apple
- FacebookFacebook
- XX
- LINELine